งานเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช
งานเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช ๒๕๕๐ เทิดไท้ ๘๐ พรรษามหาราชา วิถีไทย หัวใจแผ่นดิน จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน กำหนดจัดงานงานเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช ๒๕๕๐ เทิดไท้ ๘๐ พรรษามหาราชาขึ้น ในระหว่างวันที่ 5
4 ตุลาคม 2550 ณ บริเวณวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และบริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) และศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยกำหนดให้วันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันงานที่ยิ่งใหญ่มีการแห่หมรับถือได้ว่าเป็นหัวใจของงานที่มีสีสันตระการตา ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมงานบุญประเพณีที่เต็มไปด้วยศรัทธาและความยิ่งใหญ่ อีกทั้ง เป็นการแสดงความกตัญญุตาต่อบุพการีและญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว
ความเป็นมาของงานเทศกาลเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช
“งานเทศกาลเดือนสิบ” จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2466 ที่สนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราชโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาเงินสร้างสโมสรข้าราชการ ซึ่งชำรุดมากแล้ว โดยในช่วงนั้น พระภัทรนาวิก จำรูญ(เอื้อน ภัทรนาวิก) ซึ่งเป็นนายกศรีธรรมราชสโมสร และพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการได้ร่วมกันจัดงานประจำปีขึ้นโดยได้จัดกำหนดเอางานทำบุญเดือนสิบมาจัดเป็นงานประจำปี พร้อมทั้งมีการออกร้าน และมหรสพต่างๆโดยมีระยะเวลาในการจัดงาน 3 วัน 3 คืน จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2535 ทางจังหวัดได้ย้ายสถานที่จัดงานจากสนามหน้าเมืองไปยังสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) ซึ่งมีบริเวณกว้าง และได้มีการจัดตกแต่งสถานที่ไว้อย่างสวยงาม รวมทั้งได้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดงานไปจากเดิมหลายประการ
การจัดเทศกาลงานเดือนสิบถือเป็นความพยายามของมนุษย์ที่มุ่งทดแทนพระคุณบรรพบุรุษแม้ว่าจะล่วงลับไปแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวไทยทุกคนควรต้องยึดถือปฏิบัติรวมทั้งปลูกฝังให้อนุชนรุ่นหลังได้ปฏิบัติสืบทอดต่อๆ ไป อย่างน้อยหากมนุษย์ระลึกถึงเรื่องเปรตก็จะสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ รวมทั้งการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที ที่เป็นหัวใจสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขตลอดไป
องค์พระธาตุนครศรีธรรมราช
งานเดือนสิบ เป็นงานสำคัญในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความเชื่อทางพุทธศาสนิกชนในเรื่องกฏรม ผู้ที่สร้างบาปกรรมไว้มาก เมื่อตายไปจะกลายเป็นเปรตทนทุขเวทนาชดใช้บาปกรรมนั้น เมื่อถึงวันสารท ชาวบ้าน จึงจัดสำรับคาวหวานไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เรียกกันว่ากาแห่งกรรทำบุญสารทเดือนสิบ หรือ การยกหฺมฺรับ (อ่านว่ายก-หมับ) การจัดหฺมฺรับไปทำบุญที่วัดนั้น จะประกอบไปด้วยขนม 5 อย่าง ได้แก่ - ขนมลา เปรียบเสมือนแพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม
- ขนมพอง เปรียบเสมือเป็นยานพาหนะให้ผู้ล่วงลับได้ใช้เป็นแพข้ามสู่ภพภูมิใหม่
- ขนมกง อุทิศเป็นเครื่องประดับ
- ขนมดีซำ อุทิศเป็นเงินเบี้ยสำหรับใช้สอย
- ขนมบ้า สำหรับวิญญาณผู้ล่วงลับจะได้ใช้เล่นสะบ้าในวันสงกรานต์
ความเชื่อเกี่ยวกับงานเดือน
| ความเชื่อของพุทธศาสนิกชนชาวนครศรีธรรมราชเชื่อว่าบรรพบุรุษอันได้แ่ก่ ปู่ย่าตายา่ย และญาติพี่น้องที่ ล่วงลับไปแล้ว หากทำความดีไว้เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ จะได้ไปเกิดในสรวงสรรค์ แต่หากทำความชั่วจะตกนรกกลายเป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานในอเวจี ต้องอาศัยผลบุญที่ลูกหลานอุิทิศส่วนกุศลให้ในแต่ละปีมายังชีพ ดังนั้นในวันแรม ๑ ค่ำเดือนสิบ คนบาปทั้งหลายที่เรียกว่าเปรตจึงถูกปล่อยตัวกลับมายังโลกมนุษย์ เพื่อมาขอส่วนบุญจากลูกหลายญาติพี่น้องและจะกลับไปนรกในวันแรม ๑ ค่ำเดืิอนสิบโอกาสนี้เองลูกหลานและผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่จึงนำอาหารไปทำบุญที่วัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงกตัญญูกตเวที
วันสารท เป็นวันที่ถือเป็นคติและเชื่อสืบกันมาว่า ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว จะมีโอกาสได้กลับมารับส่วนบุญจากญาติพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น จึงมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติในวันนี้และเชื่อว่า หากทำบุญในวันนี้ไปให้ญาติแล้วญาติจะได้รับส่วนบุญได้เต็มที่และมีโอกาสหมดหนี้กรรม และได้ไปเกิดหรือมีความสุข อีกประการหนึ่งสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ทำนาเป็นอาชีพหลักในช่วงเดือน 10 นี้ ได้ปักดำข้าวกล้าลงในนาหมดแล้ว กำลังงอกงาม และรอเก็บเกี่ยวเมื่อสุก จึงมีเวลาว่างพอที่จะทำบุญเพื่อเลี้ยงตอบแทน และขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือแม่พระโพสพ หรือผีไร่ ผีนา ที่ช่วยรักษาข้าวกล้าในนาให้เจริญงอกงามดี และออกรวงจนสุกให้เก็บเกี่ยวได้ผลผลิตมาก
|
|
|